ปะเที่ยวกันสถานที่ท่องเที่ยว

พาไปไหว้: วัดเก็กลกสี่ (Kek Lok Si) ปีนัง มาเลเซีย

วัดเก็กลกสี่ (Kek Lok Si) หรือ วัดเขาเต่า หรืออีกชื่อที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ Temple of Supreme Bliss เป็นวัดจีนพุทธ นิกายมหายาน ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในย่าย แอร์-ไอเท็ม (Air itam) เมืองปีนัง ประเทศมาเลซีย จะสวยขนาดไหนไปชมกันเลย

ตั๋วโดยสาร Penang Rapid ไปวัดเก็กลกสี่
ตั๋วโดยสาร Penang Rapid ไปวัดเก็กลกสี่

การเดินทางไปวัดเก็ลกสี่ ให้ใช้รถประจำทาง Penang Rapid สาย 203 หรือ 204 ก็ได้ โดยทั่วไปรถทั้งสองสายจะผ่านห้างที่ชื่อว่า Komtar แต่เรานั่งสาย 203 จากโรงแรม Container Hotel เลย (โรงแรมนี้มีป้ายรถประจำทางอยู่ด้านหน้า มีรถผ่านหลายสาย แนะนำครับ)

บรรยากาศภายในรถ 203
บรรยากาศภายในรถ 203

ขั้นจากต้น ๆ สาย เนื่องจากโรงแรมอยู่ห่างจากคิวรถประมาณ 1-2 ป้ายเท่านั้นเอง คนเลยขึ้นยังไม่มาก เดินขึ้นมาบนรถทางประตูหน้าแล้วบอกคนขับว่า “KEK LOK SI TEMPLE” (เก็กลกสี่เท็มเพิล) คนขับจะบอกว่า “TWO RINGGITS” (ทูริงกิต) ให้เงินไป รับตั๋วที่คล้าย ๆ สลิปมา เลือกที่นั่งตามสบาย

ป้ายบอกจุดจอดในรถ
ป้ายบอกจุดจอดในรถ

ใครฟังไม่ออกบอกไม่ถูกละก็ไม่เป็นไร ภายในรถมีป้ายบอกทางบอกชัดเจน บรรทัดแรกบอกสายของรถและเส้นทางต้นทาง คือ 203 JETI (คิวรถเจติ) – AIR ITAM (ปลายทางแอร์-ไอเท็ม) ส่วนบรรทัดต่อไปจะเป็นการบอกป้ายต่อไปที่รถจะจอด และบอกอีก 2 ป้ายถัดจากป้ายที่จะจอดพร้อมเวลาโดยประมาณ สังเกตประมาณนี้ถ้าขึ้น Kek Lok Si Temple ในป้ายแล้ว กดกริ่งลงได้เลย แต่ในบางครั้งคนขับก็จะตะโกนบอกเราด้วย ช่วย ๆ กันจะได้ลงไม่ผิดป้าย

ป้ายรถประจำทางวัดเก็กลกสี่
ป้ายรถประจำทางวัดเก็กลกสี่

ป้ายรถประจำทางวัดเก็กลกสี่เป็นป้ายเล็ก ๆ มองเห็นไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก ถ้ากดกริ่งลงมาแล้วเจอป้ายแบบนี้ถือว่ามาไม่ผิดแน่นอน

วัดเก็กลกสี่แบบไกล ๆ
วัดเก็กลกสี่แบบไกล ๆ

เมื่อลงรถแล้วเดินย้อนกลับไปจะเห็นวัดเก็กลกสี่ตั้งแต่ไกลแบบนี้ หากหันหลักมาแล้วเจอแบบนี้มั่นใจได้อีกขั้นว่ามาถูกที่แล้วชัวร์ เดินต่อไปได้เลย

น้ำลูกจันทน์
น้ำลูกจันทน์

ระหว่างทางจะเจอร้านท้องถิ่นแวะซื้อน้ำลูกจันทน์ (Nutmeg Juice) มาสัก 1 ขวดรสชาติอร่อยดีแต่หวานบาดคอไปหน่อย แต่ใครชอบหวาน ๆ อันนี้เหมาะชุมคอดี ราคา 2 ริงกิต (15 บาท)

ด้านหน้าทางเข้าวัดเก็กลกสี่
ด้านหน้าทางเข้าวัดเก็กลกสี่

เดินมาเรื่อย ๆ ผ่านร้านค้าต่าง ๆ มามาย แวะช้อปบ้างอะไรบ้าง และแล้วก็มาถึงหน้าวัดเก็กลกสี่ จะเป็นลานจอดรถ และมีพระพุทธรูปปุนปั้นเรียงอยู่อย่างมากมาย พร้อมลุย

ด้านหน้าทางเข้า
ด้านหน้าทางเข้า

เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทางวัดเก็กลกสี่ยังมีบริการลิฟท์ โดยลิฟท์ที่นี่จะมีบริการทั้งหมด 4 ชั้น ใครเลือกที่จะสะบายหน่อย หรือรีบกลัวจะไปที่อื่นไม่ทันก็สามารถมาใช้บริการได้

จุดบริการลิฟท์
จุดบริการลิฟท์

สำหรับลิฟท์นั้นมีค่าบริการนะครับ สอบถามเจ้าหน้าที่แล้ว ราคา 2 ริงกิต (15 บาท) ต่อ 1 ชั้น ต่อ 1 เที่ยว นั่นหมายความว่าหากต้องการใช้บริการทั้งไปและกลับ จะเสียเงินทั้งหมด 12 ริงกิต (90 บาท)

ภายในห้องลิฟท์
ภายในห้องลิฟท์

ส่วนเราทรหดพอครับ เราจะเดินเอาถือซะว่าออกกำลังกายแล้วกัน เดินไปเรื่อย ๆ ตามทาง ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะไม่ต้องกลัวหลง ปะเที่ยวกัน!

ทางเดินขึ้น
ทางเดินขึ้น

จุดแรกก็มาถึงเดินมาเรื่อย ๆ จะเจอกับสะพานโค้งสระเต่า ใครขึ้นลิฟท์แล้วไม่ยอมเดินจะพลาดวิวสวย ๆ แบบนี้เอาได้ (เตือนแล้วนะ) สะพานโค้งสวยงามมาให้เข้ากับภูมิประเทศน้ำตกกับโขดหินได้เหมาะสมโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนภูมิประเทศเลย

สะพานข้ามสระเต่า
สะพานข้ามสระเต่า

ใกล้ ๆ กันจะมีจุดจำหน่ายผักบุ้ง ไม่ได้ให้เอาผักนะ มันเป็นอาหารเต่า ไม่เสียเงินค่าลิฟท์แต่ต้องมาเสียเงินค่าผักบุ้งเต่า (ถือว่าได้บุญ) กำละ 20 บาท หรือ 2 ริงกิต (สามารถใช้เงินไทยได้)

จุดจำหน่ายผักบุ้ง
จุดจำหน่ายผักบุ้ง

ถึงเวลาให้อาหารเต่าแล้ว เต่าที่นี่ถูกแบ่งแยกออกจากน้ำตก ซึ่งเต่าเองก็มีจำนวนมากมายเหลือเกิน เต่าเองก็กินผักบุ้งที่เราโยนลงไปให้อย่างอร่อยเพลินจริง ๆ แต่อย่าเพลินตรงนี้จนลืมว่าหนทางนี้เรายังอีกยาวไกลนัก ปะลุยต่อ!!!

สระเต่า
สระเต่า

มองจากมุมนี้ก็ดูสวยงามมาก สังเกตว่าเตามีจำนวนมากจริง ๆ ทั้งในน้ำและตามหินต่าง ๆ ส่วนที่ดูคล้าย ๆ บันไดเหล็กนั่นก็คือทางของลิฟท์ที่จะพาไปชั้น 2

สระเต่ากับวัดเก็กลกสี
สระเต่ากับวัดเก็กลกสี

เห็นไหมละครับว่ามีป้ายบอกทางไม่หลงแน่นอน เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ทางเดินขึ้นไปยังวัดนี้ ไม่ใช่ทางเดินราบ ๆ นะครับ เป็นการเดินขึ้นเนินสูง ๆ ชัน ๆ สลับกัน เล่นเอาหอบกินได้เหมือนกัน

ป้ายบอกทาง
ป้ายบอกทาง

เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ วิวก็สวยงามเรื่อย ๆ มองเห็นเขาที่มีต้นไม้เขียวชะอุ่ม อากาศก็ลดลงเรื่อย ๆ สบายกายสบายใจ หายเหนื่อยไปหน่อย

วิวเขา
วิวเขา

บางจุดเหมือนจะมีอุปกรณ์ก่อสร้างอยู่บ้างก็หลบ ๆ หน่อย เพราะทางวัดมีการก่อสร้างหลายอย่างเลย

ทางไปยังวัด
ทางไปยังวัด

เมื่อเจอป้ายนี้ก็เดินตามทางขึ้นไปยังบันไดเล็ก ๆ ได้เลย นี่เราอยู่ที่ชั้น 1 ครึ่งแล้วนะเกือบละเกือบจะชั้น 2 แล้ว สูดอากาศเฮือกใหญ่ ๆ

ป้ายบอกทางชั้นที่ 1 ตรึ่ง
ป้ายบอกทางชั้นที่ 1 ตรึ่ง

เดิน ๆ มาเหมือนจะไม่ใช่ทางที่ถูก แต่เราก็ต้องมั่นใจป้ายว่าถูกเดินต่อไปเรื่อย ๆ เริ่มหอบแล้ว บันไดเยอะมาก แต่ก็สู้ เดินไปจนสุดทางเดินแล้วเลี้ยวขวา

ทางเดินไปยังวัด
ทางเดินไปยังวัด

เลี้ยวขวามาแล้วเดินอีกไม่ไกลแต่ก็หอบได้ ก็จะเจอกับประตูวัดขนาดใหญ่ แปลว่าใกล้จะถึงแล้ว เดินต่อไป

เจอแล้วประตูทางเข้าวัดเก็กลกสี่
เจอแล้วประตูทางเข้าวัดเก็กลกสี่

ใครไม่อยากเดิน ไม่อยากขึ้นลิฟท์ ก็สามารถขับรถมาเองหรือนั่งแท็กซี่ให้มาส่งที่ลาดจอดรถด้านบนได้เลย (แล้วเราจะเหนื่อยทำไม เพื่อธรรมชาติ)

ถนนสำหรับคนที่ขับรถมาหรือเรียกแท็กซี่มา
ถนนสำหรับคนที่ขับรถมาหรือเรียกแท็กซี่มา

ที่นี่เหมือนจะคล้าย ๆ บ้านเราแต่แสดงออกมากกว่าบ้านเรานั่นคือห้าม Grab เข้ามาจอด มารอ หรือห้ามเข้ามาเลย โดยสถานที่เป็นผู้ติดประกาศเอง ซึ่งใครที่จะเรียกแท็กซี่ผ่าน Grab ต้องคิดหน่อยนะ

ป้ายห้าม Grab
ป้ายห้าม Grab

ถึงประตูวัดชั้นบนแล้วถ่ายรูปสักหน่อย ประตูวัดทำได้สวยงามมาก ๆ ยิ่งใหญ่ทั้ง ๆ ตั้งอยู่บนที่ชัน อลังการจริง ๆ

ประตูวัดเก็กลกสี่
ประตูวัดเก็กลกสี่

เดินเข้ามาด้านใน จากประตูทางเข้าจะพบกับหอสวดมนต์ อย่ามัวรอช้า เข้าไปชมกันเลย

หอสวดมนต์
หอสวดมนต์

ภายในหอสวดมนต์จะมีที่นั่งสำหรับผู้ที่ต้องการสวดมนต์ และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม 3 องค์ใหญ่ รอบหอสวดมนต์ภายในมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมติดตามผนัง

ภายในหอสวดมนต์
ภายในหอสวดมนต์

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดเล็กตอดอยู่ตามฝาผนังด้านในหอสวดมนต์ มีนับพันนับหมื่นองค์เลยทีเดียว

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมติดฝาผนัง
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมติดฝาผนัง

องค์ด้านขวามือสุดเป็น พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์แห่งปัญญา นับถือมากในทั้งฝ่ายมหายานและวัชรยาน

พระมัญชุศรีโพธิสัตว์
พระมัญชุศรีโพธิสัตว์

องค์ตรงกลางเป็น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือ เจ้าแม่กวนอิมที่เรา ๆ รู้จัก

เจ้าแม่กวนอิม
เจ้าแม่กวนอิม

องค์ซ้ายมือสุดจะเป็น พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ผู้ทรงเป็นเลิศในทางจริยาและมหาปณิธาน ด้วยทรง มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ ซึ่งถือเป็นภาระอันหนักหน่วง

พระสมันตภัทรโพธิสัตว์
พระสมันตภัทรโพธิสัตว์

นอกจากนนี้ในหอสวดมนต์ยังมีของที่ระลึก ของฝาก และสิ่งของนำโชคมากไว้คอยจำหน่ายอีกด้วย ลองเลือกซื้อเลือกชมกันได้

จุดจำหน่ายของนำโชค
จุดจำหน่ายของนำโชค

เมื่อชมและไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่หอสวดมนต์เสร็จแล้ว ก็เดินออกไปตามทางของระเบียง จนสุดทางเลี้ยวซ้าย จะพบเจอคนขอทานกลุ่มหนึ่งไม่ต้องกลัวเดินผ่านไปได้เลยเพราะเป็นทางผ่านที่เข้าไปด้านใน

ทางเดินเข้าสู่ด้านใน
ทางเดินเข้าสู่ด้านใน

เมื่อเลี้ยวซ้ายเดินเข้ามาแล้วจะพบกับสวนเจดีย์ 7 ชั้น เป็นอีกสวนหนึ่งที่สวยงามมาก ๆ สวนนี้เหมือนจะรายล้อมไปเขาต่าง ๆ ทำให้ได้วิวที่ดูแปลกตา เดินต่อไปตามทางที่มีหลังคา

สวนเจดีย์ 7 ชั้น
สวนเจดีย์ 7 ชั้น

เดินตามทางนี้ไปนะครับ จะเจอกับกลุ่มขอทานตามสองข้างทางเลย หรือใครอยากแวะสวนเจดีย์ 7 ชั้นเพื่อถ่ายรูปก่อนก็ได้

ทางเดิน
ทางเดิน

เดินขึ้นบันไดอีกแล้วครับท่าน แต่ก็ขึ้นโดยไม่ยอมแพ้ เพื่อสิ่งที่สวยงามรออยู่ด้านบน

ทางขึ้นไปยังสวนดอกไม้
ทางขึ้นไปยังสวนดอกไม้
ป้ายทางเข้า
ป้ายทางเข้า
มุ่งหน้าสู่สวนดอกไม้
มุ่งหน้าสู่สวนดอกไม้

ในที่สุดก็มาถึงสวนดอกไม้ (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าอะไร) เป็นสวนดอกไม้ที่มีพระพรหม และพระพุทธรูปนับร้อยองค์ประดิษฐานเรียงรายตามกำแพง ตรงกลางเป็นสวนดอกนานชนิดให้ความสดชื่นได้ดีเลยทีเดียว

พระพุทธรูปรอบกำแพง
พระพุทธรูปรอบกำแพง
สวนดอกไม้
สวนดอกไม้

แม้แต่บนกำลังของอุโบสถก็ยังมีพระพุทธรูปรอบกำแพงเลย

พระพุทธรูปถูกประดิษฐานรอบกำแพงอุโบสถ
พระพุทธรูปถูกประดิษฐานรอบกำแพงอุโบสถ
ทางเข้าอุโบสถ
ทางเข้าอุโบสถ

บริเวณชั้น 1 จะมีพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง สามารถใช้ธูปจริงเพื่อนกราบไหว้ขอพรได้ และภายในบริวณกำแพงก็ยังมีพระพุทธอยู่รายรอบเลย

ชั้น 1
ชั้น 1

บริเวณชั้น 2 นั้นจะมีพระพุทธรูปอย่างตรงกลาง 1 องค์ ขนาบด้วยเจ้าแม่กวนอิมข้างละ 1 องค์

ชั้น 2
ชั้น 2

ตรงสวนดอกยังยังมีประตูทีทองออกไปแล้วจะเก็นวิวเมืองปีนังได้อย่างชัดเจน เหมาะกับการถ่ายรูปลง IG จริง ๆ

วิวเมื่อมองลอดประตูออกไป
วิวเมื่อมองลอดประตูออกไป

จริง ๆ หอท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 จะอยู่ก่อนถึงสวนดอกไม้ เป็นหอที่รวบรวมรูปปั้นของท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์อยู่

หอท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4
หอท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4
 
ท้าวจตุโลกบาล หรือที่ชาวจีนนิยมกันในนาม “สี่เทียนไต้อ๊วง” ซึ่งในปัจจุบัน มีหน้าที่ดูแลพระพุทธองค์ โดยทั่วไปในวัดจีนจะมีท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ยืนอารักขาไม่ให้มีสิ่งเลวร้ายเข้ามาให้เขตพุทธสถาน ท้าวจตุโลกบาลมีด้วยกัน 4 องค์ ได้แก่ 
  • ท้าวธตรฐ หรือ ทิก๊ก เทียนอ๋อง ซึ่งจะทรงถือพิณเป็นอาวุธ ประจำกาย
  • ท้าววิรุฬหก หรือ เตียงเชียง เทียนอ๋อง ทรงถือร่มเป็นอาวุธ
  • ท้าววิรูปักข์ หรือ กวางมัก เทียนอ๋อง ทรงถือ กระบี่เป็นอาวุธ
  • ท้าวกุเวร หรือ โต้บุ๋น เทียนอ๋อง ทรงถืองูเป็นอาวุธ
ด้านในของหอท้าวจตุโลกบาล
ด้านในของหอท้าวจตุโลกบาล

ด้วยท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 จะประจำแต่ละทิศกันไป ซึ่งพระองค์จะมีใบหน้า หน้าตาที่น่ากลัวเพื่อไม่ให้ภูตผีปีศาจเข้ามาในเขตศักดิ์สิทธิ์ได้

2 ใน 4 ของท้าวจตุโลกบาล
2 ใน 4 ของท้าวจตุโลกบาล

ถัดมาจะเป็นหอพระ มีองค์พระขนาดใหญ่จำนวน 3 องค์เรียงอยู่ตรงกลาง และมีองค์พระขนาดต่าง ๆ ภานในหอนี้ด้วย

หอพระ
หอพระ
พระ3องค์ ในหอพระ
พระ3องค์ ในหอพระ

ถัดมาเราจะไปที่เจดีย์พระ 10,000 องค์ เจดีย์นี้เสียค่าเข้า 2 ริงกิต (15 บาท) ต่อคน

ทางไปเจดีย์ พระ 10000 องค์
ทางไปเจดีย์ พระ 10000 องค์

เจดีย์นี้ปิดเวลา 6 โมงเย็นหรือ 18.00 น. ปิดก่อนวัดเก็กลกสี่ปิด

เวล่ปิดเจดีย์
เวล่ปิดเจดีย์
บันไดทางขึ้นไปยังเจดีย์
บันไดทางขึ้นไปยังเจดีย์

ก่อนถึงเจดีย์พระหมื่นองค์นั้นจะมีหอพระที่สวยงามอยู่ กำแพงเป็นกำแพงปูนแกะสลัก เสาหินสีแดงตัดกันอย่างสวยงาม

ทางเข้าพระด้านในของบริเวณเจดีย์
ทางเข้าพระด้านในของบริเวณเจดีย์

ภายในมี พระอมิตาภพุทธะ(Amitabha Buddha) พระไวโรจนพุทธะ(Vairocana Buddha) และ พระอักโษภยพุทธะ (Aksobhaya Buddha) ตกแต่งด้วยจิตรกรรมแบบจีน และมีพระราชประวัติของพระพุทธเจ้าด้วย

พระอมิตาภพุทธะ พระไวโรจนพุทธะ และ พระอักโษภยพุทธะ
พระอมิตาภพุทธะ พระไวโรจนพุทธะ และ พระอักโษภยพุทธะ

พระอมิตาภะพุทธเจ้า (ออมีท้อฮุก หรือ อามีท้อฮุดโจ๊ว) นั้นได้กล่าวไว้แล้วในเรื่องของพระธยานิพุทธเจ้าในแบบวัชรนิกาย โดยในรูปแบบนี้ถือว่าพระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่ง พระธรรมกาย 

พระอมิตาภพุทธะ (amitabha buddha)
พระอมิตาภพุทธะ (amitabha buddha)

พระไวโรจนพุทธะ เป็นพระธยานิพุทธะ 1 ใน 5 องค์ ของนิกายวัชรยาน ทรงเป็นประธานของพระพุทธะทั้ง 5 หมายถึงปัญญาอันสูงสุด ตราประจำพระองค์เป็นธรรมจักร หมายถึง ความเป็นหนึ่ง พระกายเป็นแสงสว่าง มักแทนด้วยสีขาว ตำแหน่งในพุทธมณฑลจะอยู่ตรงกลางโดยมีพุทธะอีก 4 องค์ห้อมล้อม

พระไวโรจนพุทธะ (Vairocana Buddha)
พระไวโรจนพุทธะ (Vairocana Buddha)

พระมานุษิพุทธเจ้า คือพระผู้ซึ่งได้สำเร็จโพธิญาณ โดยอาศัยที่ได้เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์มาแล้วเป็นลำดับตามคติมหายานกล่าวไว้ว่า พระมานุษิพุทธเจ้า ก็คือพระพุทธเจ้า ที่เสด็จมาประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน ในมนุสสภูมิ หรือ ในโลกมนุษย์ นั่นเอง

พระอักโษภยพุทธะ (aksobhya buddha)
พระอักโษภยพุทธะ (aksobhya buddha)

ในที่สุดเราก็มาถึงเจดีย์พระ 10,000 องค์ แล้ว เป็นเจดีย์ที่มีทั้งหมด 7 ชั้น เป็นบันไดวนอยู่ด้านในของตัวเจดีย์ เจดีย์นี้สร้างขึ้นในปี 1930 และถูกบูรณะขึ้นอีกครั้งในปี 1966

เจดีย์พระหมื่นองค์
เจดีย์พระหมื่นองค์

สวนด้านหน้าของเจดีย์ มีความสวยงามจริง ๆ ตัดกับภูเขาที่อยู่ด้านหลัง และท้องฟ้าที่ไม่มีอะไรมาบดบัง ทำให้เหมือนกับว่าเราได้ขึ้นมาอยู่บนสรวงสวรรค์

สวนบริเวณด้านหน้าของเจดีย์
สวนบริเวณด้านหน้าของเจดีย์

เจดีย์พระหมื่นองค์เมื่อถ่ายจากด้านหน้า

เจดีย์พระ 10000 องค์ เมื่อถ่ายจากด้านหน้า
เจดีย์พระ 10000 องค์ เมื่อถ่ายจากด้านหน้า

เมื่อเข้ามาด้านในของเจดีย์พระหมื่นองค์ ก็จะเจอกับรูปปั้นจำลองขององค์เจดีย์

ด้านในของเจดีย์
ด้านในของเจดีย์

ถัดมาจากโถงด้านนอกจะพบกับรูปปั้น เปี่ยหลู่จูไหล (Pei Loo Joo Lai) อันนี้เราหาประวัติไม่เจอ แต่ดูท่านคล้าย ๆ พระยูไล

เปี่ยหลู่จูไหล (Pei Loo Joo Lai)
เปี่ยหลู่จูไหล (Pei Loo Joo Lai)

บริเวณเจดีย์ชั้นหนึ่งยังประดับไปด้วยกระเบื้อลายพระพุทธเจ้าเต็มทั่วทั้งฝาผนังรอบ ๆ ชั้นเลย

กระเบื้องลายพระ
กระเบื้องลายพระ

ขึ้นมาในส่วนของชั้น 2 จะเป็นเจ้าแม่กวนอิม 4 กร 7 เศียร

เจ้าแม่กวนอิม
เจ้าแม่กวนอิม

ขึ้นมายังชั้นสาม จะเป็นพระที่เราคุ้นตากันดี นั่นก็คือ พระนารายณ์ ทรงช้างสามเศียร เป็นของพราหมณ์ แต่พบเห็นได้มากในไทย

พระนารายณ์ ทรงช้างสามเศียร
พระนารายณ์ ทรงช้างสามเศียร

ชั้นที่ 4 เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์

พระปางไสยาสน์
พระปางไสยาสน์

ชั้น 5 จะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย

พระพุทธรูปปางมารวิชัย
พระพุทธรูปปางมารวิชัย

ชั้น 6 เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และพระพุทธรูปในตู้แก้ว (อันนี้ทางเราไม่ทราบข้อมูล)

พระพุทธรูป
พระพุทธรูป

ชั้น 7 เป็นรูปปั้นพระพุทธเจ้า และเจ้าแม่กวนอิม อีกท่านไม่ทราบข้อมูล

รูปปั้น
รูปปั้น

จะเห็นได้ว่าในแต่ละชั้นจะมีทั้งกระเบื้องลายพระ และกระเบื้องลายพระนูน ประดับประดาเต็มผนังทั่วทุกชั้น แต่ละชั้นก็จะมีความแต่ต่างกันของกระเบื้องที่นำมาปู

วิวภูเขาจากเจดีย์ชั้น 7
วิวภูเขาจากเจดีย์ชั้น 7

วัดเก็กลกสี่นี้เป็ฯวัดที่มีขนาดใหญ่ ใช้เวลาในการเยี่ยมชม สักการะเป็นเวลาค่อนข้างนาน เท่าที่ผมเดินเยี่ยมชมก็ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว

วิววัดเก็กลกสี่ จากเจดีย์
วิววัดเก็กลกสี่ จากเจดีย์

มาอีกด้านหนึ่งของเจดีย์ก็จะเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่แต่ไกล แต่เนื่องจากยังปิดปรับปรุงครั้งนี้เราจึงยังไม่ได้พาไป ไว้โอกาสหน้าจะเก็บภาพมาให้ชมกันอย่างแน่นอน

วัดเก็กลกสี่เปิดให้เยี่ยมชมได้ทุกวัน เวลา 07.00 – 21.00 น. บางส่วนเช่นเจดีย์พระหมื่นองค์ จะปิดเร็วกว่าวัดปิด

วิวรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ จากเจดีย์
วิวรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ จากเจดีย์

ก่อนจะไปต่อที่ปีนังฮิลล์ ก็แวะทานข้าวกันหน่อยที่ Kim Hai Thong Cafe เป็นคล้าย ๆ ศูนย์อาหารมีอาหารหลายร้านให้เลือก

KIM HAI THONG CAFE
KIM HAI THONG CAFE

จานแรกที่เลือก เป็น ฉ่าก๋วยเตี๋ยว คล้าย ๆ ผัดซีอิ๊วบ้านเรา รสชาติใช้ได้เลย ถูกปากคนไทย ราคา 6 ริงกิต (45 บาท)

Penang Char Koay Teow
Penang Char Koay Teow

จานที่สองเป็น Penang Prawn Mee รสชาติดีมาก มาที่ปีนังแล้วต้องลอง ราคา 6 ริงกิต (45 บาท)

Penang Prawn Mee
Penang Prawn Mee

แผนที่การเดินทางมายังวัดเก็กลกสี่

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Back to top button