วัดเก็กลกสี่ (Kek Lok Si) หรือ วัดเขาเต่า หรืออีกชื่อที่เป็นที่รู้จักกันดีคือ Temple of Supreme Bliss เป็นวัดจีนพุทธ นิกายมหายาน ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ในย่าย แอร์-ไอเท็ม (Air itam) เมืองปีนัง ประเทศมาเลซีย จะสวยขนาดไหนไปชมกันเลย
![ตั๋วโดยสาร Penang Rapid ไปวัดเก็กลกสี่](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6951.jpg)
การเดินทางไปวัดเก็ลกสี่ ให้ใช้รถประจำทาง Penang Rapid สาย 203 หรือ 204 ก็ได้ โดยทั่วไปรถทั้งสองสายจะผ่านห้างที่ชื่อว่า Komtar แต่เรานั่งสาย 203 จากโรงแรม Container Hotel เลย (โรงแรมนี้มีป้ายรถประจำทางอยู่ด้านหน้า มีรถผ่านหลายสาย แนะนำครับ)
![บรรยากาศภายในรถ 203](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6953.jpg)
ขั้นจากต้น ๆ สาย เนื่องจากโรงแรมอยู่ห่างจากคิวรถประมาณ 1-2 ป้ายเท่านั้นเอง คนเลยขึ้นยังไม่มาก เดินขึ้นมาบนรถทางประตูหน้าแล้วบอกคนขับว่า “KEK LOK SI TEMPLE” (เก็กลกสี่เท็มเพิล) คนขับจะบอกว่า “TWO RINGGITS” (ทูริงกิต) ให้เงินไป รับตั๋วที่คล้าย ๆ สลิปมา เลือกที่นั่งตามสบาย
![ป้ายบอกจุดจอดในรถ](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6956.jpg)
ใครฟังไม่ออกบอกไม่ถูกละก็ไม่เป็นไร ภายในรถมีป้ายบอกทางบอกชัดเจน บรรทัดแรกบอกสายของรถและเส้นทางต้นทาง คือ 203 JETI (คิวรถเจติ) – AIR ITAM (ปลายทางแอร์-ไอเท็ม) ส่วนบรรทัดต่อไปจะเป็นการบอกป้ายต่อไปที่รถจะจอด และบอกอีก 2 ป้ายถัดจากป้ายที่จะจอดพร้อมเวลาโดยประมาณ สังเกตประมาณนี้ถ้าขึ้น Kek Lok Si Temple ในป้ายแล้ว กดกริ่งลงได้เลย แต่ในบางครั้งคนขับก็จะตะโกนบอกเราด้วย ช่วย ๆ กันจะได้ลงไม่ผิดป้าย
![ป้ายรถประจำทางวัดเก็กลกสี่](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6957.jpg)
ป้ายรถประจำทางวัดเก็กลกสี่เป็นป้ายเล็ก ๆ มองเห็นไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก ถ้ากดกริ่งลงมาแล้วเจอป้ายแบบนี้ถือว่ามาไม่ผิดแน่นอน
![วัดเก็กลกสี่แบบไกล ๆ](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6958.jpg)
เมื่อลงรถแล้วเดินย้อนกลับไปจะเห็นวัดเก็กลกสี่ตั้งแต่ไกลแบบนี้ หากหันหลักมาแล้วเจอแบบนี้มั่นใจได้อีกขั้นว่ามาถูกที่แล้วชัวร์ เดินต่อไปได้เลย
![น้ำลูกจันทน์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6963.jpg)
ระหว่างทางจะเจอร้านท้องถิ่นแวะซื้อน้ำลูกจันทน์ (Nutmeg Juice) มาสัก 1 ขวดรสชาติอร่อยดีแต่หวานบาดคอไปหน่อย แต่ใครชอบหวาน ๆ อันนี้เหมาะชุมคอดี ราคา 2 ริงกิต (15 บาท)
![ด้านหน้าทางเข้าวัดเก็กลกสี่](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6965.jpg)
เดินมาเรื่อย ๆ ผ่านร้านค้าต่าง ๆ มามาย แวะช้อปบ้างอะไรบ้าง และแล้วก็มาถึงหน้าวัดเก็กลกสี่ จะเป็นลานจอดรถ และมีพระพุทธรูปปุนปั้นเรียงอยู่อย่างมากมาย พร้อมลุย
![ด้านหน้าทางเข้า](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6966.jpg)
เพื่ออำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวทางวัดเก็กลกสี่ยังมีบริการลิฟท์ โดยลิฟท์ที่นี่จะมีบริการทั้งหมด 4 ชั้น ใครเลือกที่จะสะบายหน่อย หรือรีบกลัวจะไปที่อื่นไม่ทันก็สามารถมาใช้บริการได้
![จุดบริการลิฟท์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6968.jpg)
สำหรับลิฟท์นั้นมีค่าบริการนะครับ สอบถามเจ้าหน้าที่แล้ว ราคา 2 ริงกิต (15 บาท) ต่อ 1 ชั้น ต่อ 1 เที่ยว นั่นหมายความว่าหากต้องการใช้บริการทั้งไปและกลับ จะเสียเงินทั้งหมด 12 ริงกิต (90 บาท)
![ภายในห้องลิฟท์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6969.jpg)
ส่วนเราทรหดพอครับ เราจะเดินเอาถือซะว่าออกกำลังกายแล้วกัน เดินไปเรื่อย ๆ ตามทาง ระหว่างทางจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะไม่ต้องกลัวหลง ปะเที่ยวกัน!
![ทางเดินขึ้น](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6971.jpg)
จุดแรกก็มาถึงเดินมาเรื่อย ๆ จะเจอกับสะพานโค้งสระเต่า ใครขึ้นลิฟท์แล้วไม่ยอมเดินจะพลาดวิวสวย ๆ แบบนี้เอาได้ (เตือนแล้วนะ) สะพานโค้งสวยงามมาให้เข้ากับภูมิประเทศน้ำตกกับโขดหินได้เหมาะสมโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนภูมิประเทศเลย
![สะพานข้ามสระเต่า](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6972.jpg)
ใกล้ ๆ กันจะมีจุดจำหน่ายผักบุ้ง ไม่ได้ให้เอาผักนะ มันเป็นอาหารเต่า ไม่เสียเงินค่าลิฟท์แต่ต้องมาเสียเงินค่าผักบุ้งเต่า (ถือว่าได้บุญ) กำละ 20 บาท หรือ 2 ริงกิต (สามารถใช้เงินไทยได้)
![จุดจำหน่ายผักบุ้ง](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6974.jpg)
ถึงเวลาให้อาหารเต่าแล้ว เต่าที่นี่ถูกแบ่งแยกออกจากน้ำตก ซึ่งเต่าเองก็มีจำนวนมากมายเหลือเกิน เต่าเองก็กินผักบุ้งที่เราโยนลงไปให้อย่างอร่อยเพลินจริง ๆ แต่อย่าเพลินตรงนี้จนลืมว่าหนทางนี้เรายังอีกยาวไกลนัก ปะลุยต่อ!!!
![สระเต่า](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6975.jpg)
มองจากมุมนี้ก็ดูสวยงามมาก สังเกตว่าเตามีจำนวนมากจริง ๆ ทั้งในน้ำและตามหินต่าง ๆ ส่วนที่ดูคล้าย ๆ บันไดเหล็กนั่นก็คือทางของลิฟท์ที่จะพาไปชั้น 2
![สระเต่ากับวัดเก็กลกสี](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6977.jpg)
เห็นไหมละครับว่ามีป้ายบอกทางไม่หลงแน่นอน เดินขึ้นไปเรื่อย ๆ ทางเดินขึ้นไปยังวัดนี้ ไม่ใช่ทางเดินราบ ๆ นะครับ เป็นการเดินขึ้นเนินสูง ๆ ชัน ๆ สลับกัน เล่นเอาหอบกินได้เหมือนกัน
![ป้ายบอกทาง](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6978.jpg)
เดินขึ้นมาเรื่อย ๆ วิวก็สวยงามเรื่อย ๆ มองเห็นเขาที่มีต้นไม้เขียวชะอุ่ม อากาศก็ลดลงเรื่อย ๆ สบายกายสบายใจ หายเหนื่อยไปหน่อย
![วิวเขา](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6980.jpg)
บางจุดเหมือนจะมีอุปกรณ์ก่อสร้างอยู่บ้างก็หลบ ๆ หน่อย เพราะทางวัดมีการก่อสร้างหลายอย่างเลย
![ทางไปยังวัด](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6981.jpg)
เมื่อเจอป้ายนี้ก็เดินตามทางขึ้นไปยังบันไดเล็ก ๆ ได้เลย นี่เราอยู่ที่ชั้น 1 ครึ่งแล้วนะเกือบละเกือบจะชั้น 2 แล้ว สูดอากาศเฮือกใหญ่ ๆ
![ป้ายบอกทางชั้นที่ 1 ตรึ่ง](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6983.jpg)
เดิน ๆ มาเหมือนจะไม่ใช่ทางที่ถูก แต่เราก็ต้องมั่นใจป้ายว่าถูกเดินต่อไปเรื่อย ๆ เริ่มหอบแล้ว บันไดเยอะมาก แต่ก็สู้ เดินไปจนสุดทางเดินแล้วเลี้ยวขวา
![ทางเดินไปยังวัด](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6985.jpg)
เลี้ยวขวามาแล้วเดินอีกไม่ไกลแต่ก็หอบได้ ก็จะเจอกับประตูวัดขนาดใหญ่ แปลว่าใกล้จะถึงแล้ว เดินต่อไป
![เจอแล้วประตูทางเข้าวัดเก็กลกสี่](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6987.jpg)
ใครไม่อยากเดิน ไม่อยากขึ้นลิฟท์ ก็สามารถขับรถมาเองหรือนั่งแท็กซี่ให้มาส่งที่ลาดจอดรถด้านบนได้เลย (แล้วเราจะเหนื่อยทำไม เพื่อธรรมชาติ)
![ถนนสำหรับคนที่ขับรถมาหรือเรียกแท็กซี่มา](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6989.jpg)
ที่นี่เหมือนจะคล้าย ๆ บ้านเราแต่แสดงออกมากกว่าบ้านเรานั่นคือห้าม Grab เข้ามาจอด มารอ หรือห้ามเข้ามาเลย โดยสถานที่เป็นผู้ติดประกาศเอง ซึ่งใครที่จะเรียกแท็กซี่ผ่าน Grab ต้องคิดหน่อยนะ
![ป้ายห้าม Grab](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6988.jpg)
ถึงประตูวัดชั้นบนแล้วถ่ายรูปสักหน่อย ประตูวัดทำได้สวยงามมาก ๆ ยิ่งใหญ่ทั้ง ๆ ตั้งอยู่บนที่ชัน อลังการจริง ๆ
![ประตูวัดเก็กลกสี่](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6991.jpg)
เดินเข้ามาด้านใน จากประตูทางเข้าจะพบกับหอสวดมนต์ อย่ามัวรอช้า เข้าไปชมกันเลย
![หอสวดมนต์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6994.jpg)
ภายในหอสวดมนต์จะมีที่นั่งสำหรับผู้ที่ต้องการสวดมนต์ และรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม 3 องค์ใหญ่ รอบหอสวดมนต์ภายในมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมติดตามผนัง
![ภายในหอสวดมนต์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF6999.jpg)
รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมขนาดเล็กตอดอยู่ตามฝาผนังด้านในหอสวดมนต์ มีนับพันนับหมื่นองค์เลยทีเดียว
![รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมติดฝาผนัง](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7006.jpg)
องค์ด้านขวามือสุดเป็น พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์แห่งปัญญา นับถือมากในทั้งฝ่ายมหายานแ
![พระมัญชุศรีโพธิสัตว์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7008.jpg)
องค์ตรงกลางเป็น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือ เจ้าแม่กวนอิมที่เรา ๆ รู้จัก
![เจ้าแม่กวนอิม](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7009.jpg)
องค์ซ้ายมือสุดจะเป็น พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ผู้ทรงเป็นเลิศในทางจริยาและมหาปณิธาน ด้วยทรง มุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์ ซึ่งถือเป็นภาระอันหนักหน่วง
![พระสมันตภัทรโพธิสัตว์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7010.jpg)
นอกจากนนี้ในหอสวดมนต์ยังมีของที่ระลึก ของฝาก และสิ่งของนำโชคมากไว้คอยจำหน่ายอีกด้วย ลองเลือกซื้อเลือกชมกันได้
![จุดจำหน่ายของนำโชค](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7012.jpg)
เมื่อชมและไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่หอสวดมนต์เสร็จแล้ว ก็เดินออกไปตามทางของระเบียง จนสุดทางเลี้ยวซ้าย จะพบเจอคนขอทานกลุ่มหนึ่งไม่ต้องกลัวเดินผ่านไปได้เลยเพราะเป็นทางผ่านที่เข้าไปด้านใน
![ทางเดินเข้าสู่ด้านใน](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7014.jpg)
เมื่อเลี้ยวซ้ายเดินเข้ามาแล้วจะพบกับสวนเจดีย์ 7 ชั้น เป็นอีกสวนหนึ่งที่สวยงามมาก ๆ สวนนี้เหมือนจะรายล้อมไปเขาต่าง ๆ ทำให้ได้วิวที่ดูแปลกตา เดินต่อไปตามทางที่มีหลังคา
![สวนเจดีย์ 7 ชั้น](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7015.jpg)
เดินตามทางนี้ไปนะครับ จะเจอกับกลุ่มขอทานตามสองข้างทางเลย หรือใครอยากแวะสวนเจดีย์ 7 ชั้นเพื่อถ่ายรูปก่อนก็ได้
![ทางเดิน](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7026.jpg)
เดินขึ้นบันไดอีกแล้วครับท่าน แต่ก็ขึ้นโดยไม่ยอมแพ้ เพื่อสิ่งที่สวยงามรออยู่ด้านบน
![ทางขึ้นไปยังสวนดอกไม้](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7027.jpg)
![ป้ายทางเข้า](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7030.jpg)
![มุ่งหน้าสู่สวนดอกไม้](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7036.jpg)
ในที่สุดก็มาถึงสวนดอกไม้ (อันนี้ผมไม่แน่ใจว่าเขาเรียกว่าอะไร) เป็นสวนดอกไม้ที่มีพระพรหม และพระพุทธรูปนับร้อยองค์ประดิษฐานเรียงรายตามกำแพง ตรงกลางเป็นสวนดอกนานชนิดให้ความสดชื่นได้ดีเลยทีเดียว
![พระพุทธรูปรอบกำแพง](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7045.jpg)
![สวนดอกไม้](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7046.jpg)
แม้แต่บนกำลังของอุโบสถก็ยังมีพระพุทธรูปรอบกำแพงเลย
![พระพุทธรูปถูกประดิษฐานรอบกำแพงอุโบสถ](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7047.jpg)
![ทางเข้าอุโบสถ](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7055.jpg)
บริเวณชั้น 1 จะมีพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง สามารถใช้ธูปจริงเพื่อนกราบไหว้ขอพรได้ และภายในบริวณกำแพงก็ยังมีพระพุทธอยู่รายรอบเลย
![ชั้น 1](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7056.jpg)
บริเวณชั้น 2 นั้นจะมีพระพุทธรูปอย่างตรงกลาง 1 องค์ ขนาบด้วยเจ้าแม่กวนอิมข้างละ 1 องค์
![ชั้น 2](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7066.jpg)
ตรงสวนดอกยังยังมีประตูทีทองออกไปแล้วจะเก็นวิวเมืองปีนังได้อย่างชัดเจน เหมาะกับการถ่ายรูปลง IG จริง ๆ
![วิวเมื่อมองลอดประตูออกไป](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7053.jpg)
จริง ๆ หอท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 จะอยู่ก่อนถึงสวนดอกไม้ เป็นหอที่รวบรวมรูปปั้นของท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์อยู่
![หอท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7037.jpg)
- ท้าวธตรฐ หรือ ทิก๊ก เทียนอ๋อง ซึ่งจะทรงถือพิณเป็นอาวุธ ประจำกาย
- ท้าววิรุฬหก หรือ เตียงเชียง เทียนอ๋อง ทรงถือร่มเป็นอาวุธ
- ท้าววิรูปักข์ หรือ กวางมัก เทียนอ๋อง ทรงถือ กระบี่เป็นอาวุธ
- ท้าวกุเวร หรือ โต้บุ๋น เทียนอ๋อง ทรงถืองูเป็นอาวุธ
![ด้านในของหอท้าวจตุโลกบาล](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7043.jpg)
ด้วยท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 จะประจำแต่ละทิศกันไป ซึ่งพระองค์จะมีใบหน้า หน้าตาที่น่ากลัวเพื่อไม่ให้ภูตผีปีศาจเข้ามาในเขตศักดิ์สิทธิ์ได้
![2 ใน 4 ของท้าวจตุโลกบาล](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7068.jpg)
ถัดมาจะเป็นหอพระ มีองค์พระขนาดใหญ่จำนวน 3 องค์เรียงอยู่ตรงกลาง และมีองค์พระขนาดต่าง ๆ ภานในหอนี้ด้วย
![หอพระ](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7073.jpg)
![พระ3องค์ ในหอพระ](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7074.jpg)
ถัดมาเราจะไปที่เจดีย์พระ 10,000 องค์ เจดีย์นี้เสียค่าเข้า 2 ริงกิต (15 บาท) ต่อคน
![ทางไปเจดีย์ พระ 10000 องค์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7080.jpg)
เจดีย์นี้ปิดเวลา 6 โมงเย็นหรือ 18.00 น. ปิดก่อนวัดเก็กลกสี่ปิด
![เวล่ปิดเจดีย์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7081.jpg)
![บันไดทางขึ้นไปยังเจดีย์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7083.jpg)
ก่อนถึงเจดีย์พระหมื่นองค์นั้นจะมีหอพระที่สวยงามอยู่ กำแพงเป็นกำแพงปูนแกะสลัก เสาหินสีแดงตัดกันอย่างสวยงาม
![ทางเข้าพระด้านในของบริเวณเจดีย์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7086.jpg)
ภายในมี พระอมิตาภพุทธะ(Amitabha Buddha) พระไวโรจนพุทธะ(Vairocana Buddha) และ พระอักโษภยพุทธะ (Aksobhaya Buddha) ตกแต่งด้วยจิตรกรรมแบบจีน และมีพระราชประวัติของพระพุทธเจ้าด้วย
![พระอมิตาภพุทธะ พระไวโรจนพุทธะ และ พระอักโษภยพุทธะ](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7090.jpg)
พระอมิตาภะพุทธเจ้า (ออมีท้อฮุก หรือ อามีท้อฮุดโจ๊ว) นั้นได้กล่าวไว้แล้วในเรื่อ
![พระอมิตาภพุทธะ (amitabha buddha)](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7091.jpg)
พระไวโรจนพุทธะ เป็นพระธยานิพุทธะ 1 ใน 5 องค์ ของนิกายวัชรยาน ทรงเป็นประธานของพระพุทธะทั้ง 5 หมายถึงปัญญาอันสูงสุด ตราประจำพระองค์เป็นธรรมจักร หมายถึง ความเป็นหนึ่ง พระกายเป็นแสงสว่าง มักแทนด้วยสีขาว ตำแหน่งในพุทธมณฑลจะอยู่ตรงกลางโดยมีพุทธะอีก 4 องค์ห้อมล้อม
![พระไวโรจนพุทธะ (Vairocana Buddha)](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7094.jpg)
พระมานุษิพุทธเจ้า คือพระผู้ซึ่งได้สำเร็จโพธิญาณ โดยอาศัยที่ได้เสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์มาแล้วเป็นลำดับตามคติมหายานกล่าวไว้ว่า พระมานุษิพุทธเจ้า ก็คือพระพุทธเจ้า ที่เสด็จมาประสูตร ตรัสรู้ และปรินิพพาน ในมนุสสภูมิ หรือ ในโลกมนุษย์ นั่นเอง
![พระอักโษภยพุทธะ (aksobhya buddha)](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7095.jpg)
ในที่สุดเราก็มาถึงเจดีย์พระ 10,000 องค์ แล้ว เป็นเจดีย์ที่มีทั้งหมด 7 ชั้น เป็นบันไดวนอยู่ด้านในของตัวเจดีย์ เจดีย์นี้สร้างขึ้นในปี 1930 และถูกบูรณะขึ้นอีกครั้งในปี 1966
![เจดีย์พระหมื่นองค์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7098.jpg)
สวนด้านหน้าของเจดีย์ มีความสวยงามจริง ๆ ตัดกับภูเขาที่อยู่ด้านหลัง และท้องฟ้าที่ไม่มีอะไรมาบดบัง ทำให้เหมือนกับว่าเราได้ขึ้นมาอยู่บนสรวงสวรรค์
![สวนบริเวณด้านหน้าของเจดีย์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7099.jpg)
เจดีย์พระหมื่นองค์เมื่อถ่ายจากด้านหน้า
![เจดีย์พระ 10000 องค์ เมื่อถ่ายจากด้านหน้า](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7105.jpg)
เมื่อเข้ามาด้านในของเจดีย์พระหมื่นองค์ ก็จะเจอกับรูปปั้นจำลองขององค์เจดีย์
![ด้านในของเจดีย์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7109.jpg)
ถัดมาจากโถงด้านนอกจะพบกับรูปปั้น เปี่ยหลู่จูไหล (Pei Loo Joo Lai) อันนี้เราหาประวัติไม่เจอ แต่ดูท่านคล้าย ๆ พระยูไล
![เปี่ยหลู่จูไหล (Pei Loo Joo Lai)](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7114.jpg)
บริเวณเจดีย์ชั้นหนึ่งยังประดับไปด้วยกระเบื้อลายพระพุทธเจ้าเต็มทั่วทั้งฝาผนังรอบ ๆ ชั้นเลย
![กระเบื้องลายพระ](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7117.jpg)
ขึ้นมาในส่วนของชั้น 2 จะเป็นเจ้าแม่กวนอิม 4 กร 7 เศียร
![เจ้าแม่กวนอิม](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7121.jpg)
ขึ้นมายังชั้นสาม จะเป็นพระที่เราคุ้นตากันดี นั่นก็คือ พระนารายณ์ ทรงช้างสามเศียร เป็นของพราหมณ์ แต่พบเห็นได้มากในไทย
![พระนารายณ์ ทรงช้างสามเศียร](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7127.jpg)
ชั้นที่ 4 เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์
![พระปางไสยาสน์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7130.jpg)
ชั้น 5 จะเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
![พระพุทธรูปปางมารวิชัย](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7133.jpg)
ชั้น 6 เป็นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และพระพุทธรูปในตู้แก้ว (อันนี้ทางเราไม่ทราบข้อมูล)
![พระพุทธรูป](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7137.jpg)
ชั้น 7 เป็นรูปปั้นพระพุทธเจ้า และเจ้าแม่กวนอิม อีกท่านไม่ทราบข้อมูล
![รูปปั้น](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7142.jpg)
จะเห็นได้ว่าในแต่ละชั้นจะมีทั้งกระเบื้องลายพระ และกระเบื้องลายพระนูน ประดับประดาเต็มผนังทั่วทุกชั้น แต่ละชั้นก็จะมีความแต่ต่างกันของกระเบื้องที่นำมาปู
![วิวภูเขาจากเจดีย์ชั้น 7](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7143.jpg)
วัดเก็กลกสี่นี้เป็ฯวัดที่มีขนาดใหญ่ ใช้เวลาในการเยี่ยมชม สักการะเป็นเวลาค่อนข้างนาน เท่าที่ผมเดินเยี่ยมชมก็ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
![วิววัดเก็กลกสี่ จากเจดีย์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7141.jpg)
มาอีกด้านหนึ่งของเจดีย์ก็จะเห็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่แต่ไกล แต่เนื่องจากยังปิดปรับปรุงครั้งนี้เราจึงยังไม่ได้พาไป ไว้โอกาสหน้าจะเก็บภาพมาให้ชมกันอย่างแน่นอน
วัดเก็กลกสี่เปิดให้เยี่ยมชมได้ทุกวัน เวลา 07.00 – 21.00 น. บางส่วนเช่นเจดีย์พระหมื่นองค์ จะปิดเร็วกว่าวัดปิด
![วิวรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ จากเจดีย์](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7149.jpg)
ก่อนจะไปต่อที่ปีนังฮิลล์ ก็แวะทานข้าวกันหน่อยที่ Kim Hai Thong Cafe เป็นคล้าย ๆ ศูนย์อาหารมีอาหารหลายร้านให้เลือก
![KIM HAI THONG CAFE](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7184.jpg)
จานแรกที่เลือก เป็น ฉ่าก๋วยเตี๋ยว คล้าย ๆ ผัดซีอิ๊วบ้านเรา รสชาติใช้ได้เลย ถูกปากคนไทย ราคา 6 ริงกิต (45 บาท)
![Penang Char Koay Teow](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7181.jpg)
จานที่สองเป็น Penang Prawn Mee รสชาติดีมาก มาที่ปีนังแล้วต้องลอง ราคา 6 ริงกิต (45 บาท)
![Penang Prawn Mee](/wp-content/uploads/2019/10/DSCF7182.jpg)